จบกันเสียทีสำหรับ”มหากาพย์” ของ เชส ฟาเบรกัส ในการย้ายสังกัดจาก อาร์เซน่อล ไปสู่ทีมที่ถือว่าดีที่สุดในโลกยุคปัจจุบัน คือ “บาร์เซโลน่า”
เป็นเวลากว่า 3 ปี ที่ฟาเบรกัสมีข่าวย้ายทีม จนสุดท้ายก่อนที่ฤดูกาล 2011-2012 จะเริ่มขึ้น ฟาเบรกัส ก็ได้ย้ายทีมสมตามความปรารถนา
สำหรับ ฟาเบรกัส เริ่มต้นการเป็นนักฟุตบอลกับการเป็นนักเตะเยาวชนของบาร์เซโลน่า ก่อนย้ายมาร่วมทีมอาร์เซน่อล ด้วยวัย 16 ปี
จนกระทั่งฤดูกาล 2003 ฟาเบรกัสได้ทำสถิติเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุด ที่ได้ลงเล่นให้กับอาร์เซน่อล ได้เกมลีก คัพ ที่พบกับ รอตเตอร์แฮม ด้วยวัยเพียง 16 ปี กับอีก 177 วัน
ต่อมาฟาเบรกัสยังทำสถิติเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ทำประตูให้กับสโมสร ได้นัดพบกับ วูลฟ์แธมป์ตัน ไม่กี่สัปดาห์หลังจากประเดิมสนามนัดแรก
จนกระทั่งปี 2005 เป็นต้นมา ฟาเบรกัสสามารถยึดตำแหน่ง 11 ตัวจริงมาได้สำเร็จ แล้วสามารถโชว์ฟอร์มอันยอดเยี่ยม จนสามารถพาทีมเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ รายการยูฟ่า แชมป์เปียนส์ลีก ก่อนจะพ่ายบาร์เซโลน่า ทีมบ้านเกิดไป 2-1 แต่ฟาเบรกัส ก็ยังมีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมของยูฟ่า ซึ่งถือเป็นสิ่งการันตีความสามารถของเขาได้อย่างดีเยี่ยม
และตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมา ฟาเบรกัสก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นกัปตันทีมของอาร์เซน่อล แต่ในช่วง 2 ปีหลัง มักมีอาการบาดเจ็บรบกวน จนส่งผลเสียต่อทีม ที่ไม่อาจต่อยอดความสำเร็จได้ หลังจากแชมป์เอฟ เอ คัพ ปี 2005 ซึ่งเป็นจุดที่อาร์เซน่อลโดนวิจารณ์อย่างมาก
![]() |
กัปตันทีมอาร์เซน่อล |
แต่กับทีมชาติสเปนแล้ว ฟาเบรกัส ประสบความสำเร็จสูงสุด เพราะได้แชมป์ 2 รายการใหญ่ติดต่อกัน คือ แชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปและแชมป์ฟุตบอลโลก ในปี 2008 และ 2010 ตามลำดับ
![]() |
ฟาเบรกัส กับ ถ้วยแชมป์โลกครั้งแรกของ สเปน |
สุดท้ายนี้ในฐานะแฟนบอลคนหนึ่งของทีมอาร์เซน่อลและชื่นชมนักเตะอย่างฟาเบรกัสมาตลอด เข้าใจในความต้องการที่จะย้ายทีมสู่บาร์เซโลน่าเป็นอย่างดี เพราะถือเป็นการได้กลับบ้านและได้เล่นให้กับสโมสรที่ถือว่าเก่งที่สุดทีมหนึ่งของโลก ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องเงินตราของมีค่า อย่างที่นักเตะหลายคนในโลกปัจจุบันต้องการ ขอให้คุณประสบความสำเร็จในอาชีพนักเตะ
Farewell
No comments:
Post a Comment