ผู้วิจัยได้ทำการค้นคว้าหาเอกสารที่เกี่ยวข้องโดยเน้นไปที่หัวข้อเรื่องต่อไป
· ทฤษฎีการเรียนรู้
· การประเมินตามสภาพจริง
· หลักสูตรและสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา
· บทเรียนแบบโปรแกรม
· การนิเทศแบบมีส่วนร่วม
ในส่วนพัฒนามีหัวข้อต่างๆต่อไปนี้
· สร้างและพัฒนาบทเรียนแบบโปรแกรม
· ประเมินหาประสิทธิภาพของบทเรียนแบบโปรแกรม
· ทดลองใช้บทเรียนแบบโปรแกรม
· นิเทศแบบมีส่วนร่วม
· ประเมินความสามารถของครูพลศึกษาเรื่องการประเมินตามสภาพจริง
o ด้านความรู้
o ด้านพฤติกรรมการปฏิบัติ
o ด้านเจตคติ
· ประเมินเจตคติของครูพลศึกษาที่มีต่อบทเรียนแบบโปรแกรมและการนิเทศแบบมีส่วนร่วม
เมื่อได้ทำการพัฒนาตามขั้นตอนที่ผ่านมาแล้วนั้นจะทำให้ได้ข้อมูล ดังต่อไปนี้
1. ประสิทธิภาพของบทเรียนแบบโปรแกรม
2. ความสามารถของครูพลศึกษาเรื่องการประเมินตามสภาพจริง
· ด้านความรู้
· ด้านพฤติกรรมการปฏิบัติ
· ด้านเจตจคติ
3. เจตคติของครูพลศึกษาที่มีต่อรูปแบบการพัฒนาครูในการประเมินตามสภาพจริงวิชาพลศึกษา
ซึ่งกระบวนการทั้งหมด จะทำให้ได้มาซึ่ง รูปแบบการพัฒนาครูในการประเมินตามสภาพจริงวิชาพลศึกษา ระดับมัธยมศึกษา
หลักการประเมิน
1. บทเรียนแบบโปรแกรม เรื่องการประเมินตามสภาพจริงวิชาพลศึกษา ระดับมัธยมศึกษา
ทำการหาค่าความเที่ยงตรง และ ความเป็นปรนัย ของบทเรียนแบบโปรแกรม ตามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ ตรวจสอบความเที่ยงตรงของเนื้อหา โดยใช้วิธี IOC โดยผลการประเมินมีความเหมาะสม โดยมีค่าตั้งแต่ 0.60-1.00
2. แบบทดสอบความรู้ก่อนและหลังการศึกษาบทเรียนแบบโปรแกรมเรื่องการประเมินตามสภาพจริงวิชาพลศึกษา ระดับมัธยมศึกษา
หาค่าความเที่ยงตรง และ ความเป็นปรนัยของแบบทดสอบ โดยให้ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ความสอดคล้องของข้อคำถามกับวัตถุประสงค์ โดยใช้ข้อคำถามที่มีค่า IOC มีค่าตั้งแต่ 0.60-1.00
หาค่าความเชื่อมั่น โดยใช้สูตร KR-20 ของ Kuder และ Richardson ได้ค่าความเชื่อมั่น 0.79 และตรวจสอบค่าอำนาจจำแนกและระดับความยากง่าย โดยใช้เกณฑ์ค่าอำนาจจำแนก ตั้งแต่ 0.20-1.00 และระดับความยากง่าย ตั้งแต่ 0.20-0.80 โดยทำการทดสอบแล้วได้ค่าอำนาจจำแนก ระหว่าง 0.25-0.55 และระดับความยากง่ายระหว่าง 0.40-0.78
3. แบบประเมินพฤติกรรมการปฏิบัติของครูพลศึกษาในการประเมินตามสภาพจริงวิชาพลศึกษา ระดับมัธยมศึกษา
วิเคราะห์ความเหมาะสมของแบบประเมินพฤติกรรม ตามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ เพื่อหาคุณภาพด้านความเที่ยงตรงของเนื้อหา และ ความเป็นปรนัย โดยการวิเคราะห์ค่าเฉลี่ย และ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน โดยภาพรวมของแบบประเมินมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก โดยมีค่าเฉลี่ย 4.02
4. แบบประเมินเจตคติของครูพลศึกษาที่มีต่อการประเมินตามสภาพจริงวิชาพลศึกษา
วิเคราะห์ความเหมาะสมของแบบประเมินเจตคติ ตามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ เพื่อหาคุณภาพด้านความเที่ยงตรงของเนื้อหา และ โดยการวิเคราะห์ค่าเฉลี่ย และ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน โดยภาพรวมของแบบประเมินมีความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก โดยมีค่าเฉลี่ย 3.81 และเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ ความเหมาะสมอยู่ในระดับมากทุกข้อ
วิเคราะห์ค่าความเชื่อมั่น ด้วยสูตรสัมประสิทธิ์อัลฟาของ Cronbach ได้ค่าความเชื่อมั่น 0.76
5. แบบประเมินเจตคติของครูพลศึกษาที่มีต่อรูปแบบการพัฒนาครูในการประเมินตามสภาพจริงวิชาพลศึกษา ระดับมัธยมศึกษา
วิเคราะห์ความเหมาะสมของแบบประเมิน ตามความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญ เพื่อหาคุณภาพด้านความเที่ยงตรงของเนื้อหา โดยการวิเคราะห์ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ได้ภาพรวมของแบบประเมิน ความเหมาะสมอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ย 4.20
ผลการนำไปใช้
บทเรียนตามโปรแกรมที่พัฒนาขึ้นนี้ มีประสิทธิภาพเป็นไปตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ จึงสามารถนำไปให้ครูพลศึกษา ระดับมัธยมศึกษา ไปใช้เพื่อพัฒนาความรู้เรื่องการประเมินตามสภาพจริงวิชาพลศึกษาได้
การนิเทศแบบมีส่วนร่วม มีผลทำให้ครูพลศึกษา มีความรู้ มีพฤติกรรมการปฏิบัติและมีเจตคติที่ดีต่อการประเมินตามสภาพจริง